เรื่องย่อ11
นางจันท์เทวีอยู่กับพวกวิเสทมานานพอสมควร อยู่มาสันหนึ่งก็คิดแกงฟักเพื่อเล่าเรื่องราวให้พระสังข์ได้รู้“จึงหยิบยกมาตั้งนั่งฝาน เอาวางไว้ในจานแล้วเจียนจัก แกะเป็นรูปขององค์นงลักษณ์ เมื่ออยู่กับผัวที่รักในวัง”
นางจันท์เทวีแกงฟักแล้วก็ตักใส่ชามฝา เตรียมไว้รวมกับเครื่องเสวยอย่างอื่นพอถึงเวลานางพนักงานก็มาเชิญเครื่องไป นางรจนามาหมอบเฝ้าตามเคย พระสังข์เสวยเครื่องเอมโอชโภชนาด้วยความพอพระทัยครั้นพอ“เอาช้อนทองลองตักแกงฟัก เห็นชิ้นสลักก็สงสัย พระพินิจดูพลางเอาวางไว้ แล้วตักขึ้นมาใหม่ก็เหมือนกัน”
พอคิดได้ดังนี้ พระสังข์ก็“ไม่เสวยเลยอิ่มโภชนา จะกลืนกลั้นน้ำตามิใคร่ได้ หยิบเอาชิ้นฟักนั้นถือไว้ สะอื้นไห้ถึงพระชนนี”แล้วรับสั่งให้นางกำนัลไปตามคนที่แกงฟักมา พวกวิเสทก็ตกใจวุ่นวายเกรงกลัวว่าจะมีความผิด นางจันท์เทวีดีใจที่จะได้พบพระโอรส จึงสัญญาว่าหากมีโทษทัณฑ์จะรับไว้เองไม่ให้มีโทษมาถึงพวกนั้น แล้วนางก็บอกให้สาวใช้พาไปพบพระสังข์
นางจันท์เทวีก็กอดพระโอรสร้องไห้จนสิ้นสติไป ส่วนนางรจนาเห็นพระสวามีแน่นิ่งไปก็ตกใจ เข้าไปกอดบาทร้องไห้สลบไปอีกคนหนึ่ง ร้อนถึงหมอหลวงต้องมาช่วยแก้ไข ท้าวสามนต์กับนางมณฑาได้ทราบเรื่องก็ยินดี นางจันท์เทวีขอร้องให้พระสังข์ไม่โกรธแค้นท้าวยศวิมล แล้วพากันออกไปรับท้าวยศวิมลเข้ามาในวัง นางจันท์เทวีพาพระสังข์ไปยัง“ทิม ริมที่ทวารวัง”เห็นท้าวยศวิมลนั่งสานตะกร้าอยู่กับนายประตู นางก็บอกให้พระสังข์รู้ว่าพระบิดาคือคนไหนแล้วทั้งสองพระองค์ก็เข้าไปกราบไหว้
ท้าวยศวิมลก็สงสารพระมเหสีและโอรสนัก ต่างกอดกันร้องไห้อย่างเศร้าโศกพอคลายความโศกศัลย์บ้างแล้ว พระองค์ก็ยอมรับในความผิดพลาดของตนเองว่า“พ่อนี้ชั่วช้าสารพัน ให้ทำโทษทัณฑ์กับลูกยา หากเจ้าไม่ตายวายปราณ เพราะบุญญาธิการหนักหนา”ได้ขอให้พระสังข์อย่าคิดแค้นในความผิดพลาดนี้
ท้าวสามนต์เห็นท้าวยศวิมลกับนางจันท์เทวีค่อยคลายโศกเศร้าแล้วก็เชิญเสด็จเข้าไปในวัง ให้ต้อนรับบรรดาไพร่พลที่ซุ่มซ่อนอยู่ในป่าอย่างดี ต่อมาท้าวยศวิมลก็ขอให้พระสังข์กลับไปครองเมือง ท้าวยศวิมล นางจันท์เทวี พระสังข์ และนางรจนาก็ทูลลาท้าวสามนต์กับนางมณฑาเดินทางกลับไปครองเมือง